คือต้องชี้แจงให้ จนท. แต่ละฝ่ายที่ไช้ mit_net นะครับว่า การจะได้ข้อมูลแต่ละแฟ้ม ต้องคีย์ที่เมนูใหนบ้าง คีย์ตอนไหน คล้าย ๆ กับต้องบอกวิธีใช้โปรแกรม mit_net ให้ จนท.นะครับ อย่างเช่นที่ ภก.พงศ์เคยบอกไว้นะครับ
จะออกแฟ้ม PP ได้ต้อง
1.ต้องมีรายชื่อในแฟ้มประชากร (จะนำเข้าแฟ้มประชากรมี 2 วิธีคือ vr และเลือกเป็นผู้ป่วยในเขตรับผิดชอบ
2.ต้อง set รหัสในรายการยาและกิจกรรม/lab ให้ตรงกับ F1 มีที่ยังไม่ได้ update คือ pcec ให้ใช้ V11 (V12 ใช้ไม่ได้แล้ว)
***
ที่มา
ANC มาจากการลงกิจกรรมที่มาฝากครรภ์ (A1 มาครั้งแรกและ A...ตาม Help รวมทั้ง LAB ก็ต้องกำหนดด้วย) ในกรณีของ LAB ผมใช้วิธีแยก LAB คือ LAB ที่ใช้เฉพาะ ANC ก็แยกออกมา
EPI มาจากการลงวัคซีน ตัวนี้แนะนำว่าให้เก็บให้หมดทั้งเด็กและผู้ใหญ่
WOMAN ถ้ามีสิทธิ์ h หรือ C ผู้หญิงวัยเจริญพันธุ์ 15-45 ปีจะมี POPUP ขึ้นมาให้ตอนเลือนลูกศรขึ้นลงที่หน้า OPD
FP มาจากการลงยาคุม,ถุงยาง,ใส่ห่วง,ฝังยาคุม ตัวนี้ต้องคู่กับการวินิจฉัยที่เข้ากันเช่น Z304 ด้วย
NUTRITION ตัวนี้ง่ายสุด โปรแกรมจะ update เองแนะนำว่า เด็กทุกคน 0-5 ปีให้ใส่ความยาว(ส่วนสูงและน้ำหนัก ทุกคน)
SURVIEL มาจากรายงาน 506 พยายาม set รหัส 506 ให้ถูกต้องก็จะเข้าใน SURVIEL
(แต่มีปัญหานิดนึงตรงการตรวจของสนย. ไม่แน่ใจว่ายังไง)
MCH กับ PP สองตัวนี้ยากเกือบจะยากมากครับ เพราะ MCH จะต้องนับรวมถึงการดูแลหลังคลอด 3 ครั้ง ตัวนี้สำึคัญตรงรหัสการคลอดให้ดูใน F1 ครับ
มีเคล็ดลับนิดนึง กรณีที่ฝากครรภ์ที่เราแล้วไปคลอดที่อื่น ให้สร้าง code คลอดที่อื่นด้วย เพราะโปรแกรมจะมองว่า คนที่ฝากครรภ์แล้วจะต้องคลอดหรือแท้งทุกคนครับ(ถ้าไม่ทำแบบนี้ตอนมาฝากครรภ์ไหม่จะ error ครับ)
นอกจาก รหัสคลอดแล้วการดูแลหลังคลอดครั้งที่ 2 และ 3 จะขึ้นที่ห้องบัตรตอนลงทะเบียนแล้วเลือกประเภทเป็น หลังคลอดครับ ดังนั้น ห้องบัตรอาจจะต้องให้สิทธิ์ h ด้วย
PP มาจาก F12 ตอนออกทะเบียนลูกครับ และการติดตามเด็กก็เหมือนกันจะ ครั้งที่จะ detect ที่ห้องบัตรเหมือ MCH ครับ
ดั้งนั้ัน MCH และ PP ห้องบัตรจะสำคัญมากครับ
ถ้าไม่อยากยุ่งยากมากน่าจะส่งแบบ 12+8 ครับ เพราะ 18 ยังต้อง set เรื่องรหัสสิทธิ์ย่อย เช่น 89,72 เพื่อให้ออกในแฟ้ม service ด้วยครับในขณะที่ 12 แฟ้ม ไม่ใช้ตรงนี้
(แต่อนาคต แนวโน้มน่าจะต้องปรับมาส่งแบบ 18 หมด เพราะตอนนี้นำร่องส่งข้อมูลรายวัน 4 แฟ้มก็มี format เป็น 18 )