โครงสร้าง text ไฟล์ของข้อมูล request เป็นดังนี้
|HN|VN|AN|LN|title|name|surename|sex|birthdate|Address|filetype(ipd,opd,...)|emergencylevel(routine,stat,...)|specimen|department|room|bed|requestby|requestdate|requesttime|testcode^testcode^testcode^...|
หมายเหตุ ค่าใดไม่มี(อาจจะไม่จำเป็น เช่น bed แล้วแต่ทาง lab ว่าจะต้องการหรือไม่)ให้ใส่ช่องว่าง
department, requestby เป็นรหัสไม่เกิน 10 หลัก
การบันทึกไฟล์ บันทึก 1 ไฟล์ต่อ 1 LN
รูปแบบของชื่อไฟล์คือ xxxxxx.req
จะส่งออกมาในตำแหน่ง directory ที่ folder "C:\MIT_TEMP\REQUEST" บนเครื่องที่ติดตั้ง MITUTILITY ซึ่ง LIS จะทำการ Map เข้าไป
*******************************************************************
โครงสร้าง text ไฟล์ของข้อมูล result เป็นดังนี้
|HN|VN|AN|LN|requestdate|MedicalFileNo|ReportBy|ApproveBy|ResultDate|ResultTime|ResultCode~ResultValue^ResultCode~ResultValue^...|
หมายเหตุ ค่าใดไม่มี(อาจจะไม่จำเป็น เช่น bed แล้วแต่ทาง lab ว่าจะต้องการหรือไม่)ให้ใส่ช่องว่าง
department, requestby เป็นรหัสไม่เกิน 10 หลัก
การบันทึกไฟล์ บันทึก 1 ไฟล์ต่อ 1 template(Chemistry, Hematology, Immunology, ...)
รูปแบบของชื่อไฟล์คือ xxxxxxxxxxx.res (xxxxxxxxxxx=MedicalFileNo)
บันทึกในตำแหน่ง directory ที่ folder "C:\MIT_TEMP" บนเครื่องที่ติดตั้ง MITUTILITY
********************************************************************
หมายเหตุ
HN เลขประจำตัวผู้ป่วย 9 หลัก
VN เลขครั้งที่รับบริการ 1 หลัก 1-9
AN เลขประจำตัวผู้ป่วยใน 9 หลัก
SEX เพศ 'ชาย','หญิง'
รูปแบบของวันที่ YYYYMMDD
requesttime 24:59
การส่งกลับ
-ต้องส่งค่า |HN|VN|||requestdate| เดิมเพราะเป็นตัวอ้างอิง
-ResultValue ยาวได้มากกว่า 30 ผลที่ยาวกว่า30 จะนำไปไว้ใน MEMO
-ถ้าใช้รหัสเดียวกันกับ MIT-NET(ยาว 9 ตัว)จำนวนรายการที่ส่งกลับมาแต่มากกว่าตอนที่ส่งออกไปจะนำรายการที่เกินมาเพิ่มในฐานข้อมูลให้ได้ด้วย
-ต้องแจ้งลงทะเบียน MITUTILITY เพราะต้องให้ LIS จ่ายค่าเชื่อมข้อมูล